พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เหรียญกรมหลวงชุ...
เหรียญกรมหลวงชุมพร หลังหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร รุ่น ๑ วัดเวฬุวนาราม จ.นครปฐม ปี 2500
เหรียญกรมหลวงชุมพร หลังหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร รุ่น ๑ วัดเวฬุวนาราม จ.นครปฐม ปี 2500 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ด้านหน้ากรมหลวงชุมพร(พระบิดา) และด้านหลังเป็นหลวงพ่อสำเนียง เหรียญนี้ศักดิ์ศรี เทียบเท่าเหรียญรุ่นแรกหน้าเณร หลังท้องกะทะ ก็ว่าได้ หลวงพ่อสำเนียง ท่านเป็นบุตรของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กับหม่อมทองนุ่น เกิดเมื่อวันที่ ๕ ต.ค. ๒๔๖๐ ที่วังไชยา โดยเสด็จเตี่ยได้นำท่านไปฝากไว้กับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าในวัยเด็ก และท่านก็ได้บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจนตลอดชีวิตในเวลาต่อมา ประสบการณ์มากมายไม่ว่าจะปราบเสือ(โจร) ผู้ร้ายโดยการเนรมิตกาย เรื่องมหาอุตม์คงกระพันแคล้วคลาดเจอกันมานักต่อนักแล้ว ทั้งทางด้านสรรพวิชาต่างๆที่ได้รับสืบทอดมาจาก หลวงปู่ศุข และเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร พระเครื่องของท่านนั้นความนิยมอาจจะไม่กว้างนักแต่ ผู้ที่เก็บสะสมบูชารวมถึงคนในพื้นที่ล้วนต่างทราบ คุณวิเศษของท่านทั้งนั้น และท่านยังป็น 1 ในคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพิธี 25 พุทธศตวรรษด้วย หลวงพ่อสำเนียงท่านเป็นพระโอรสของ เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กับ หม่อมทองนุ่น เกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2460 ที่วังไชยา ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะถือกำเหนิดมาดูโลกนั้น นายเอม อยู่สถาพรเป็นพระสหายของเสด็จเตี่ย ได้เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ขณะที่หม่อมแม่ทรงพระครรภ์ได้ 2 เดือน เสด็จเตี่ยได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปรับเรือหลวงพระร่วงที่ต่างประเทศ จึงได้พาหม่อมแม่ไปฝากไว้กับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาทซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์ของเสด็จเตี่ย โดยให้นายเอม อยู่สถาพรซึ่งเป็นพระสหายเป็นผู้ดูแล ตัวหลวงพ่อสำเนียงจึงกลายเป็นลูก 3 พ่อ ซึ่งเสด็จเตี่ย คือ พ่อผู้ให้กำเหนิด นายเอม เป็น พ่อเลี้ยงดู พร้อมกับ หลวงปู่ศุข เป็นพ่อ ผู้ดูแลให้การศึกษาเล่าเรียน หลวงพ่อสำเนียงใช้นามสกุลของนายเอม คือ อยู่สถาพร (ในหนังสือไม่ได้ระบุสาเหตุ)ได้อยู่กับหลวงปู่ศุขจนเติบโต จึงได้มาศึกษาในก.ท.ม.ที่ร.ร.อัสัมชัญ จนจบมัธยมปลายจากนั้นไปศึกษาต่อที่ร.ร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า จนจบจึงได้รับราชการทหารบกจวบได้รับยศร้อยเอกและเคยได้ร่วมสมรภูมิถึง 2 ครั้งคือสงครามอินโดจีนและสงครามมหาบูรพา พอกลับจากศึกสงครามถูกมรสุมร้ายทางการเมืองกระทำเอาถูกจองจำพร้อมกับจอมพล ป. พิบูลสงคราม - หลวงเสรี - หลวงวิจิตรวาทการ และคนอื่นๆในข้อหาอาชญากรสงคราม เมื่อได้รับการปลดปล่อยหลวงเสรีได้ไปบวชที่วัด เบญจมบพิตร ส่วนหลวงพ่อสำเนียงท่านไปบวชอยู่ที่วัดกัลยาณมิตรฝั่งธนบุรี ท่านตั้งใจบวชเพียง 15 วันแต่พอบวชได้ 3 วันก็มีเหตุการณ์เมืองขึ้นมาอีกจึงทำให้ท่านเปลี่ยนความตั้งใจ เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังยุ่งเหยิงจอมพล ป. พิบูลสงครามได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง แต่ต้องการให้หลวงพ่อสำเนียงกลับไปรับราชการอีก ทว่าท่านไม่ยอมสึกทั้งได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าจะขอยึดเอาผ้ากาสาวพัสตร์หุ้มห่อร่างกายจนกระทั่งตาย ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะมาบุกเบิกทุ่งร้างกลางป่าทึบให้มาเป็นวัดวาอารามอันพรั่งพร้อมไปด้วย โบสถ์ วิหาร ศาลา โรงธรรมที่สวยงามนั้น ท่านกล่าวว่า ขณะที่ท่านพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน ก.ท.ม. ท่านได้เกิดนิมิตขึ้นว่าได้เห็นปราศาทร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งการนิมิตเห็นนี้ไม่ได้หลับตาเห็น แต่เป็นแบบลืมตาเห็นภาพขึ้นมา เมืองร้างแห่งที่ท่านพบเห็นในนิมิตนี้มีสมบัติล้ำค่าถูกฝังอยู่มากมายมหาศาล คนเฝ้าสมบัติล้ำค่านี้บอกกับท่านว่า ใครจะมาเอาสมบัติเหล่านี้ไปไม่ได้ คนที่จะมาเป็นเจ้าของจะต้องมาสร้างเมืองนี้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเหมือนเดิมเสียก่อน และคนที่จะมาอยู่เมืองนี้ได้จะต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม ถ้าไม่เช่นนั้นจะหาความเจริญขึ้นมาไม่ได้นอกจากพินาศล่มจมเท่านั้น เพราะสถานที่แห่งนี้คือที่ตั้งเมืองธรรมานครอมรวดีศรีธานินทร์ มหินทรามหาเลิศลบภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์มาก่อน หลังจากหลวงพ่อสำเนียงได้นิมิตเห็นเมืองธรรมานครแล้วท่านเดินทางสู่เมืองร้างแห่งนี้โดยทางรถไฟไปลงสถานีงิ้วราย จากนั้นลงเรือต่อไปตลาดลำพญาต่อเรือไปอีก 3 ช.ม.จึงถึงตลาดลำพญาจากตลาดเดินเท้าอีก 4 ก.ม.โดยประมาณจึงถึงวัดแหลมชะอุย เป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าเหลือแต่ซากปรักหักพัง พอให้รู้ว่าสถานที่นั้นเคยเป็นวัดมาก่อนที่ๆแห่งนั้นเมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด ทำให้สถานที่นั้นร่มรื่นและเงียบสงัดวังเวงยิ่งนัก จึงมีสัตว์นาๆชนิด เช่นงูเห่า งูจงอางเป็นต้นเพราะปราศจากผู้คนสัญจรไปมา มีแต่บริเวณทุ่งกว้างที่ร้างซึ่งมีเด็กเลี้ยงควายอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น เด็กพวกนั้นปราศจากเสื้อผ้านุ่งห่มเพราะความแห้งแล้งทุรกันดารความยากจนของครอบครัว พ่อแม่เด็กเหล่านั้นหากินทางทุจริตลักลอบหาวัตถุโบราณในบริเวณวัดร้างแห่งนี้เพื่อนำเอาไปขาย เมื่อท่านไปถึงท่านได้เดินเข้าไปดูในโบสถ์ปรากฏว่าถูกปัดกวาดดูสะอาดสะอ้าน คล้ายกับมีคนมาอาศัยอยู่ ท่านจึงตัดสินใจที่จะอยู่ ณ. วัดร้างแห่งนี้ โดยท่านตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะพัฒนาวัดร้างแห่งนี้ร่วมกับชาวบ้านในถิ่นนี้ให้เจริญ ท่านจึงได้ยึดเอาโบสถ์เป็นที่อยู่อาศัย แต่ท่านหารู้ไม่ว่าที่แห่งนี้คือที่ซ่องสุมของพวกโจรและเสือร้ายปล้นฆ่าชื่อดัง คือ เสือแคล้ว เสือสด เสือเลียง เสือสมหมาย เสือผาด ทั้ง 5 เสือดังกล่าวทางการได้หมายหัวเอาไว้แล้วว่าต้องจับตายลูกเดียว พวกนี้หาทรัพย์มาได้เท่าไหร่ก็จะนำมาแบ่งปันที่นี่ประจำเพราะเป็นจุดศุนย์กลางระหว่างจังหวัดนนทบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี มีอยู่วันหนึ่งเสือร้ายเหล่านั้นปล้นทรัพย์ได้มาก็นัดกันมาแบ่งสมบัติที่โบสถ์ร้างแห่งนี้ เมื่อเสือแคล้วมาแอบเห็นหลวงพ่อสำเนียงอยู่ในวัดก็สบถจะต้องฆ่าพระองค์นี้ให้ได้ เพราะกลัวท่านมารู้เห็นความลับ อีกหรือท่านปลอมมาเป็นพระเพื่อมาสืบจากทางราชการ เสือแคล้วจึงตกลงกับพวกอีก 4 เสือจะต้องฆ่าท่านคืนแรกเสือแคล้วมาคนเดียวก้าวเข้าไปยืนในโบสถ์เห็นเพียงแสงเทียนสลัวๆพอเห็นว่ามีพระนั่งสมาธิอยู่ เมื่อเพ่งเข้าไปหมายจะฆ่าหลวงพ่อปรากฏว่า คุณพระช่วยภาพที่เขามองเห็นไม่ได้มีพรอยู่องค์เดียวเหมือนที่เขาเห็นตอนกลางวันเสียแล้ว เพราะภายในโบสถ์เต็มไปด้วยพระสงฆ์ห่มสีกลักกำลังนั่งสมาธิเต็มไปหมด พระเหล่านั้นต่างนั่งสมาธิอย่างสงบโดยไม่สนใจกับภายนอกโบสถ์เลย เสือแคล้วนึกอยู่ในใจว่าพระมาจากไหนเยอะแยะก็ตอนกลางวันเห็นมีอยู่องค์เดียว ส่วนมือยังกำปืนแน่นอยู่ในลักษณะพร้อมยิงเสมอ ในที่สุดก็เลิกล้มความตั้งใจ เพราะไม่ทราบว่าจะทำวิธีไหนที่จะฆ่าพระได้หมด หลังจากนั้น

สหายอีก 4 เสือก็ผลัดกันมาทุกคืนโยผัดเปลี่ยนกันกับเพื่อนทุกคนในกลุ่ม ผลปรากฏว่าเหตุการณืเหมือนกันทุกครั้ง 4 วันเต็มๆ ผลสุดท้ายเขาและเพื่อนยอมแพ้ในอภินิหารที่ได้ประสพมาจึงไม่อาจฆ่าท่านได้ ซึ่งคงเป็นเพราะบารมีของท่านซึ่งปฏิบัติธรรมเคร่งครัดเสมอมานั่นเอง เช้าของวันที่ 5 พวกเสือร้าย 5 คนได้ปรึกษาหารือกันเข้าไปกราบหลวงพ่อสำเนียงในโบสถ์และเล่าความจริงให้ท่านฟัง พวกเขาแนะนำตัวเองหลวงพ่อจึงถามไปว่า โยมพากันมาทำไมที่นี่ เสือแคล้วและพวกจึงสารภาพว่าต้องการมากราบขอขมาหลวงพ่อ กรรมใดที่ได้ล่วงเกินท่านไว้ขอให้ท่านอโหสิกรรมแก่พวกเขา หลวงพ่อท่านว่า เวรของผู้จองเวรย่อมไม่ระงับ แต่เวรของผู้ที่ไม่จองเวรย่อมระงับ อาตมาอโหสิให้ แต่กรรมโยมได้กระทำไปนั้นไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน กรรมนั้นย่อมตอบสนองในภายหลังไม่มีใครให้อภัยได้ ดังนั้นขอโยมจงหยุดการกระทำชั่วนั้นๆเสียแล้วให้เริ่มทำความดีต่อไป หมั่นรักษาศีลเพราะศีลจะทำให้ผู้ปฏิบัติให้เป็นผู้ที่สมบูรณ์ในโภคทรัพย์ ทั้งในภพปัจจุบันนี้และจะนำสู่สุขคติและนิพพานในภพหน้า เมื่อได้รับฟังธรรมะจากหลวงพ่อ เสือร้ายทั้ง 5 สำนึกผิดและซาบซึ้งในโอวาสของหลวงพ่อสำเนียง พวกเขาพร้อมที่จะปฏิบัติตามจึงได้มอบตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน พร้อมได้ปวาราณาตัวว่าจะเลิกทำชั่ว แล้วตั้งอยู่ในศีลธรรมต่อไป

00350000
ผู้เข้าชม
2878 ครั้ง
ราคา
โทรถาม
สถานะ
บูชาแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
บีริช พระเครื่อง /ชลบุรี
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
berichshop2009
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
963-2-219xx-x042-8-677xx-x

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
ว.ศิลป์สยามLe29Amuletเจริญสุขmon37Manas094ยุ้ย พลานุภาพ
ทองธนบุรีภูมิ IRgorn9chaithawatแหลมร่มโพธิ์นิสสันพระเครื่องหนองคาย
ก้อง วัฒนาTotoTatosomemanNetnapaMannan4747pratharn_p
Kshopfuchoo18ศรัทธามนต์เมืองจันท์พล ปากน้ำnattapong939
ep8600แมวดำ99พระเครื่องโคกมนaofkolokkaew กจ.stp253

ผู้เข้าชมขณะนี้ 935 คน

เพิ่มข้อมูล

เหรียญกรมหลวงชุมพร หลังหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร รุ่น ๑ วัดเวฬุวนาราม จ.นครปฐม ปี 2500




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
เหรียญกรมหลวงชุมพร หลังหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร รุ่น ๑ วัดเวฬุวนาราม จ.นครปฐม ปี 2500
รายละเอียด
เหรียญกรมหลวงชุมพร หลังหลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร รุ่น ๑ วัดเวฬุวนาราม จ.นครปฐม ปี 2500 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ด้านหน้ากรมหลวงชุมพร(พระบิดา) และด้านหลังเป็นหลวงพ่อสำเนียง เหรียญนี้ศักดิ์ศรี เทียบเท่าเหรียญรุ่นแรกหน้าเณร หลังท้องกะทะ ก็ว่าได้ หลวงพ่อสำเนียง ท่านเป็นบุตรของเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กับหม่อมทองนุ่น เกิดเมื่อวันที่ ๕ ต.ค. ๒๔๖๐ ที่วังไชยา โดยเสด็จเตี่ยได้นำท่านไปฝากไว้กับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าในวัยเด็ก และท่านก็ได้บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจนตลอดชีวิตในเวลาต่อมา ประสบการณ์มากมายไม่ว่าจะปราบเสือ(โจร) ผู้ร้ายโดยการเนรมิตกาย เรื่องมหาอุตม์คงกระพันแคล้วคลาดเจอกันมานักต่อนักแล้ว ทั้งทางด้านสรรพวิชาต่างๆที่ได้รับสืบทอดมาจาก หลวงปู่ศุข และเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร พระเครื่องของท่านนั้นความนิยมอาจจะไม่กว้างนักแต่ ผู้ที่เก็บสะสมบูชารวมถึงคนในพื้นที่ล้วนต่างทราบ คุณวิเศษของท่านทั้งนั้น และท่านยังป็น 1 ในคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพิธี 25 พุทธศตวรรษด้วย หลวงพ่อสำเนียงท่านเป็นพระโอรสของ เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กับ หม่อมทองนุ่น เกิดเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2460 ที่วังไชยา ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะถือกำเหนิดมาดูโลกนั้น นายเอม อยู่สถาพรเป็นพระสหายของเสด็จเตี่ย ได้เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ขณะที่หม่อมแม่ทรงพระครรภ์ได้ 2 เดือน เสด็จเตี่ยได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปรับเรือหลวงพระร่วงที่ต่างประเทศ จึงได้พาหม่อมแม่ไปฝากไว้กับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาทซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์ของเสด็จเตี่ย โดยให้นายเอม อยู่สถาพรซึ่งเป็นพระสหายเป็นผู้ดูแล ตัวหลวงพ่อสำเนียงจึงกลายเป็นลูก 3 พ่อ ซึ่งเสด็จเตี่ย คือ พ่อผู้ให้กำเหนิด นายเอม เป็น พ่อเลี้ยงดู พร้อมกับ หลวงปู่ศุข เป็นพ่อ ผู้ดูแลให้การศึกษาเล่าเรียน หลวงพ่อสำเนียงใช้นามสกุลของนายเอม คือ อยู่สถาพร (ในหนังสือไม่ได้ระบุสาเหตุ)ได้อยู่กับหลวงปู่ศุขจนเติบโต จึงได้มาศึกษาในก.ท.ม.ที่ร.ร.อัสัมชัญ จนจบมัธยมปลายจากนั้นไปศึกษาต่อที่ร.ร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า จนจบจึงได้รับราชการทหารบกจวบได้รับยศร้อยเอกและเคยได้ร่วมสมรภูมิถึง 2 ครั้งคือสงครามอินโดจีนและสงครามมหาบูรพา พอกลับจากศึกสงครามถูกมรสุมร้ายทางการเมืองกระทำเอาถูกจองจำพร้อมกับจอมพล ป. พิบูลสงคราม - หลวงเสรี - หลวงวิจิตรวาทการ และคนอื่นๆในข้อหาอาชญากรสงคราม เมื่อได้รับการปลดปล่อยหลวงเสรีได้ไปบวชที่วัด เบญจมบพิตร ส่วนหลวงพ่อสำเนียงท่านไปบวชอยู่ที่วัดกัลยาณมิตรฝั่งธนบุรี ท่านตั้งใจบวชเพียง 15 วันแต่พอบวชได้ 3 วันก็มีเหตุการณ์เมืองขึ้นมาอีกจึงทำให้ท่านเปลี่ยนความตั้งใจ เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังยุ่งเหยิงจอมพล ป. พิบูลสงครามได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกวาระหนึ่ง แต่ต้องการให้หลวงพ่อสำเนียงกลับไปรับราชการอีก ทว่าท่านไม่ยอมสึกทั้งได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าจะขอยึดเอาผ้ากาสาวพัสตร์หุ้มห่อร่างกายจนกระทั่งตาย ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะมาบุกเบิกทุ่งร้างกลางป่าทึบให้มาเป็นวัดวาอารามอันพรั่งพร้อมไปด้วย โบสถ์ วิหาร ศาลา โรงธรรมที่สวยงามนั้น ท่านกล่าวว่า ขณะที่ท่านพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน ก.ท.ม. ท่านได้เกิดนิมิตขึ้นว่าได้เห็นปราศาทร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งการนิมิตเห็นนี้ไม่ได้หลับตาเห็น แต่เป็นแบบลืมตาเห็นภาพขึ้นมา เมืองร้างแห่งที่ท่านพบเห็นในนิมิตนี้มีสมบัติล้ำค่าถูกฝังอยู่มากมายมหาศาล คนเฝ้าสมบัติล้ำค่านี้บอกกับท่านว่า ใครจะมาเอาสมบัติเหล่านี้ไปไม่ได้ คนที่จะมาเป็นเจ้าของจะต้องมาสร้างเมืองนี้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเหมือนเดิมเสียก่อน และคนที่จะมาอยู่เมืองนี้ได้จะต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม ถ้าไม่เช่นนั้นจะหาความเจริญขึ้นมาไม่ได้นอกจากพินาศล่มจมเท่านั้น เพราะสถานที่แห่งนี้คือที่ตั้งเมืองธรรมานครอมรวดีศรีธานินทร์ มหินทรามหาเลิศลบภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์มาก่อน หลังจากหลวงพ่อสำเนียงได้นิมิตเห็นเมืองธรรมานครแล้วท่านเดินทางสู่เมืองร้างแห่งนี้โดยทางรถไฟไปลงสถานีงิ้วราย จากนั้นลงเรือต่อไปตลาดลำพญาต่อเรือไปอีก 3 ช.ม.จึงถึงตลาดลำพญาจากตลาดเดินเท้าอีก 4 ก.ม.โดยประมาณจึงถึงวัดแหลมชะอุย เป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าเหลือแต่ซากปรักหักพัง พอให้รู้ว่าสถานที่นั้นเคยเป็นวัดมาก่อนที่ๆแห่งนั้นเมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด ทำให้สถานที่นั้นร่มรื่นและเงียบสงัดวังเวงยิ่งนัก จึงมีสัตว์นาๆชนิด เช่นงูเห่า งูจงอางเป็นต้นเพราะปราศจากผู้คนสัญจรไปมา มีแต่บริเวณทุ่งกว้างที่ร้างซึ่งมีเด็กเลี้ยงควายอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น เด็กพวกนั้นปราศจากเสื้อผ้านุ่งห่มเพราะความแห้งแล้งทุรกันดารความยากจนของครอบครัว พ่อแม่เด็กเหล่านั้นหากินทางทุจริตลักลอบหาวัตถุโบราณในบริเวณวัดร้างแห่งนี้เพื่อนำเอาไปขาย เมื่อท่านไปถึงท่านได้เดินเข้าไปดูในโบสถ์ปรากฏว่าถูกปัดกวาดดูสะอาดสะอ้าน คล้ายกับมีคนมาอาศัยอยู่ ท่านจึงตัดสินใจที่จะอยู่ ณ. วัดร้างแห่งนี้ โดยท่านตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะพัฒนาวัดร้างแห่งนี้ร่วมกับชาวบ้านในถิ่นนี้ให้เจริญ ท่านจึงได้ยึดเอาโบสถ์เป็นที่อยู่อาศัย แต่ท่านหารู้ไม่ว่าที่แห่งนี้คือที่ซ่องสุมของพวกโจรและเสือร้ายปล้นฆ่าชื่อดัง คือ เสือแคล้ว เสือสด เสือเลียง เสือสมหมาย เสือผาด ทั้ง 5 เสือดังกล่าวทางการได้หมายหัวเอาไว้แล้วว่าต้องจับตายลูกเดียว พวกนี้หาทรัพย์มาได้เท่าไหร่ก็จะนำมาแบ่งปันที่นี่ประจำเพราะเป็นจุดศุนย์กลางระหว่างจังหวัดนนทบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี มีอยู่วันหนึ่งเสือร้ายเหล่านั้นปล้นทรัพย์ได้มาก็นัดกันมาแบ่งสมบัติที่โบสถ์ร้างแห่งนี้ เมื่อเสือแคล้วมาแอบเห็นหลวงพ่อสำเนียงอยู่ในวัดก็สบถจะต้องฆ่าพระองค์นี้ให้ได้ เพราะกลัวท่านมารู้เห็นความลับ อีกหรือท่านปลอมมาเป็นพระเพื่อมาสืบจากทางราชการ เสือแคล้วจึงตกลงกับพวกอีก 4 เสือจะต้องฆ่าท่านคืนแรกเสือแคล้วมาคนเดียวก้าวเข้าไปยืนในโบสถ์เห็นเพียงแสงเทียนสลัวๆพอเห็นว่ามีพระนั่งสมาธิอยู่ เมื่อเพ่งเข้าไปหมายจะฆ่าหลวงพ่อปรากฏว่า คุณพระช่วยภาพที่เขามองเห็นไม่ได้มีพรอยู่องค์เดียวเหมือนที่เขาเห็นตอนกลางวันเสียแล้ว เพราะภายในโบสถ์เต็มไปด้วยพระสงฆ์ห่มสีกลักกำลังนั่งสมาธิเต็มไปหมด พระเหล่านั้นต่างนั่งสมาธิอย่างสงบโดยไม่สนใจกับภายนอกโบสถ์เลย เสือแคล้วนึกอยู่ในใจว่าพระมาจากไหนเยอะแยะก็ตอนกลางวันเห็นมีอยู่องค์เดียว ส่วนมือยังกำปืนแน่นอยู่ในลักษณะพร้อมยิงเสมอ ในที่สุดก็เลิกล้มความตั้งใจ เพราะไม่ทราบว่าจะทำวิธีไหนที่จะฆ่าพระได้หมด หลังจากนั้น

สหายอีก 4 เสือก็ผลัดกันมาทุกคืนโยผัดเปลี่ยนกันกับเพื่อนทุกคนในกลุ่ม ผลปรากฏว่าเหตุการณืเหมือนกันทุกครั้ง 4 วันเต็มๆ ผลสุดท้ายเขาและเพื่อนยอมแพ้ในอภินิหารที่ได้ประสพมาจึงไม่อาจฆ่าท่านได้ ซึ่งคงเป็นเพราะบารมีของท่านซึ่งปฏิบัติธรรมเคร่งครัดเสมอมานั่นเอง เช้าของวันที่ 5 พวกเสือร้าย 5 คนได้ปรึกษาหารือกันเข้าไปกราบหลวงพ่อสำเนียงในโบสถ์และเล่าความจริงให้ท่านฟัง พวกเขาแนะนำตัวเองหลวงพ่อจึงถามไปว่า โยมพากันมาทำไมที่นี่ เสือแคล้วและพวกจึงสารภาพว่าต้องการมากราบขอขมาหลวงพ่อ กรรมใดที่ได้ล่วงเกินท่านไว้ขอให้ท่านอโหสิกรรมแก่พวกเขา หลวงพ่อท่านว่า เวรของผู้จองเวรย่อมไม่ระงับ แต่เวรของผู้ที่ไม่จองเวรย่อมระงับ อาตมาอโหสิให้ แต่กรรมโยมได้กระทำไปนั้นไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน กรรมนั้นย่อมตอบสนองในภายหลังไม่มีใครให้อภัยได้ ดังนั้นขอโยมจงหยุดการกระทำชั่วนั้นๆเสียแล้วให้เริ่มทำความดีต่อไป หมั่นรักษาศีลเพราะศีลจะทำให้ผู้ปฏิบัติให้เป็นผู้ที่สมบูรณ์ในโภคทรัพย์ ทั้งในภพปัจจุบันนี้และจะนำสู่สุขคติและนิพพานในภพหน้า เมื่อได้รับฟังธรรมะจากหลวงพ่อ เสือร้ายทั้ง 5 สำนึกผิดและซาบซึ้งในโอวาสของหลวงพ่อสำเนียง พวกเขาพร้อมที่จะปฏิบัติตามจึงได้มอบตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน พร้อมได้ปวาราณาตัวว่าจะเลิกทำชั่ว แล้วตั้งอยู่ในศีลธรรมต่อไป

00350000
ราคาปัจจุบัน
โทรถาม
จำนวนผู้เข้าชม
2879 ครั้ง
สถานะ
บูชาแล้ว
โดย
ชื่อร้าน
บีริช พระเครื่อง /ชลบุรี
URL
เบอร์โทรศัพท์
0813493478
ID LINE
berichshop2009
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
3. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 963-2-219xx-x
4. ธนาคารกสิกรไทย / 042-8-677xx-x




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี